ส่วนที่ 1 ตำแหน่งและอำนาจหน้าที่ของผู้พิพากษาที่เป็นหัวหน้าและผู้ทำการแทน
ผู้รับตำแหน่งหัวหน้า
และรองหัวหน้า
1.
ตำแหน่งตามมาตรา 8
ประธานศาลฎีกา 1 คน
ประธานศาลอุทธรณ์ 1 คน
ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 1 คน
อธิบดีผู้พิพากษาศาลชั้นต้นประจำ
·
ศาลแพ่ง / กรุงเทพใต้ / ธนบุรี
·
ศาลอาญา / กรุงเทพใต้ / ธนบุรี
·
ศาลยุติธรรมอื่นๆ
·
รองหัวหน้า ศาลต่างๆ คนละ 1
คน
2.
ตำแหน่งตามมาตรา 9
·
ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจัวหวัด /
ผู้พิพากษาศาลแขวง ศาลละ 1 คน
·
ส่วนผู้พิพากษาประจำศาล คือ
ผู้พิพากษาฝึกหัด
·
ข้อสังเกต : ไม่มีรองผู้พิพากษา
3.
ตำแหน่งมาตรา 13
·
อธิบดีผู้พิพากษาภาค ละ 1 คน ทั้งหมด
9 ภาค
·
รองอธิบดีผู้พิพากษาภาค ละ 1 คน
ทั้งหมด 9 ภาค
©
ตำแหน่งรองหัวหน้า - ศาลละ
1 คน (มาตรา 8 และมาตรา 13)
ข้อยกเว้น 1.
ความจำเป็นเพื่อประโยชน์ทางราชการ และ
2.คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม
(ก.บ.ศ.) เห็นชอบ ให้มีรองหัวหน้าศาล ได้มากกว่า 1 แต่ไม่เกิน 6 คน : ศาลฎีกา / ศาลอุทธรณ์ / ศาลอุทธรณ์ภาค / ศาลชั้นต้น
อำนาจหน้าที่ของผู้พิพากษาหัวหน้าศาลต่างๆ
·
มาตรา 11 วรรคหนึ่ง อำนาจหน้าที่ของประธานศาลฎีกา
/ อุทธรณ์ / อุทธรณ์ภาค / อธิบดีผู้พิพากษาศาลชั้นต้น / ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล
·
มาตรา 8 และ มาตรา 9
เฉพาะเพียงหัวหน้า
·
ยกเว้น อธิบดีผู้พิพากษาไม่มีอำนาจจ่ายสำนวนคดี
มาตรา 32
·
ยกเว้น
อธิบดีผู้พิพากษาไม่มีอำนาจเรียกคืนสำนวน หรือโอนคดี มตรา 33
·
อำนาจตามมาตรา 28(3) + มาตรา 29(3)
แก้ปัญหาศาลในเขตอำนาจศาลตนโดยเหตุสุดวิสัย หรทอเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วง
ซึ่งองค์คณะไม่อาจพิพากษาต่อไปได้
·
อธิบดีผู้พิพากษาภาค มีอำนาจตาม มาตรา
14(2) – สั่งผู้พิพากษา 1 คน ไปทำงานชั่วคราวเขตตนไม่เกิน 3 เดือน
โดยได้รับความยินยอมจากศาลนั้น + รายงานศาลฎีกาทันที
1.
เป็นเหตุมีความจำเป็น
2.
ผู้พิพากษาชั่วคราวต้องอยู่ในอำนาจของตน
หรือ ช่วยเขตของตน
3.
ผู้พิพากษาที่ถูกสั่งยินยอม
4.
ช่วยงานไม่เกิน 3 เดือน
การเป็นผู้ทำการแทน
1.
ตำแหน่งหัวหน้าว่างลง >
ตาย / เกษียณ / ลาออก / ปลดออก / ไล่ออก
ไม่อาจปฎิบัติงานได้
> ป่วย / ลาป่วย / ลากิจ / ลาพัก /
ราชการที่อื่น
** ให้ผู้พิพากษาที่มีอาวุโสสูงสุด – ทำการแทน
2.
ในกรณีไม่มีผู้ทำการแทน
ศาลฎีกาสั่งผู้พิพากษาคนหนึ่งทำแทน (มาตรา 8 วรรคสาม / มาตรา 9 วรรคสาม / มาตรา 13
วรรคสอง)
3.
ผู้พิพากษาอาวุโส +
ผู้พิพากษาประจำศาล ไม่สามารถเป็นผู้ทำการแทนได้
(ผลตามากฎหมาย)
·
ผู้พิพากษาอาวุโส – เกษียณแล้ว
– ผู้พิพากษาพ้นเกณฑ์ 60 ปี แต่ให้ทำงานต่อถึง 65 ปี
·
ผู้พิพากษาประจำศาล – ผู้พิพากษาเด็
น้อยประสบการณ์ – ข้าราชการตุลาการชั้นต้น เป็นข้าราชการอาวุโสน้อยเพิ่งพ้นภาระผู้ช่วยผู้พิพากษา
อานาจผู้ทำการแทน
1)
มาตรา 11 (1) – (7) **ทุกหัวหน้า
ในมาตรา 8,9,13)
2)
อธิบดีผู้พิพากษาภาค มาตรา 14(1) และ (2)
3)
จากเหตุสุดวิสัยที่มิอาจก้าวล่วงได้ มาตรา 28
4)
อำนาจลงลายมือชื่อเห็นแย้งภายหลงัเมื่อตรวจสำนวน
-> ผู้พิพากษาองค์คณะไม่อาจทำได้เนื่องจากเหตุสุดวิสัยอื่นที่มิอาจก้าวล่วงได้ มาตรา 29 **ยกเว้นอธิบดีผู้พิพากษาผู้พิพากษาภาค
5)
จ่ายสำนวน มาตรา
32 **ยกเว้นอธิบดีผู้พิพากษาผู้พิพากษาภาค
6)
เรียกคืนสำนวน มาตรา 33 วรรคหนึ่ง **ยกเว้นอธิบดีผู้พิพากษาผู้พิพากษาภาค
7)
รับสำนวน+โอนให้องค์คณะอื่น มาตรา 33 วรรคสี่ **ยกเว้นอธิบดีผู้พิพากษาผู้พิพากษาภาค
1.
มาตรา 11 “ผู้รับผิดชอบราชการ” - หัวหน้าศาลต่างๆ
o
มีอำนาจนั่งพิจารณาคดีใดๆได้ทั้งหมด +
ต้องร่วมเข้ามาแต่ต้น * เข้ามาภายหลังตามมาตร 28 -31* มิฉะนั้นต้องทำความเห็นแย้งเท่านั้น ->
ไม่มีอำนาจลงลายมือชื่อพิพากษาด้วย
o
หากเข้าพิจารณาพิพากษาต้องระบุตำแหน่งตนเป็นเจ้าของสำนวน
หรือ องค์คณะในสำนวนในเวลาจ่ายสำนวนหรือก่อนสืบพยาน
o
อำนาจในการนั่งพิจารณาคดีแทนตามมาตรา
28 ลงลายมือชื่อคำพิพากษา มาตรา 29 ทำได้ต่อเมื่อมีเหตุสุดวิสัยอันมิอาจก้าวล่วง +
ผู้พิพากษาในองค์คณะไม่อาจนั่งหรือทำคำพิพากษาได้
o
เหตุจำเป็นอื่นอันมิอาจก้าวล่วงได้จำกัดเพียง
มาตรา 30 และมาตรา 31
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น